เปิดม่านดูการลงทุนในปอยเปตกัมพูชา

กัมพูชา เป็นประเทศที่มีประชากร 15 ล้านคน เป็นหนึ่งในประเทศที่กำลังพัฒนา และก้าวสู้ AEC การเข้าสู่สมาคมอาเซียนอย่างเต็มรูปแบบ เป็นที่จับตามองของนักลงทุนต่างชาติ กัมพูชา เป็นประเทศที่กำลังพัฒนาด้านเศรษฐกิจ และหลายด้านๆ จึงเป็นโอกาสแก่นักลงทุนชาวไทย เพราะค่อยข้างเปิดเสรีสำหรับนักลงทุน เพราะนักธุรกิจที่ต้องการลงทุนในกัมพูชา สามารถถือครองหุ้นได้ 100 เปอร์เซ็นต์

ยกเว้นการถือครองที่ดิน ต้องซื้อในนามบริษัทอาคารและสิ่งก่อสร้างผุดขึ้นในกรุงพนมเปญ อย่างรวดเร็ว แสดงให้เห็นถึงการเติบโต การพัฒนาทางเศรษฐกิจ การลงทุน คนต่างชาติจะมีกำลังซื้อที่มากกว่าคนกัมพูชาเองกว่าหลายเท่า  คนไทยมักเข้าไปเปิดธุรกิจในกัมพูชาเป็นอย่างมาก ส่วนใหญ่จะเปิดจำพวกร้านอาหารไทย สปา โรงสี  เป็นต้น  คนไทยที่ไปเปิดกิจการที่นู่นแนะเกี่ยวกับการทำช่องทางการลงทุนในกัมพูชาว่า

สิ่งแรกที่ควรทำ คือ ต้องเรียนรู้กับคนที่นี่ก่อน ศึกษาความเป็นกัมพูชาก่อน และเริ่มต้นจากธุรกิจขนาดเล็กๆ แล้วค่อยขยายเป็นขนาดใหญ่  

หลายๆธุรกิจอาจจะเข้ามาแล้วไม่ประสบความสำเร็จ เพราะยึดมั่น เชื่อมั่นในสิ่งที่ใช้ในเมืองไทย อย่างเช่น การเปิดร้านอาหารไทย ที่กำลังเป็นที่น่าสนใจ เนื่องจากร้านอาหารไทยในกัมพูชามีเพียงประมาณ 20 แห่งเท่านั้น ถือว่ายังน้อยถ้าเทียบกับการเปิดในหลายๆ ประเทศ การทำร้านอาหารต้องเรียนรู้ ก็ต้องรู้เกี่ยวกับการชื่นชอบของคนที่นี่ คนกัมพูชาเองไม่ชอบกินเผ็ด

ฉะนั้นการปรับรสชาติ เพื่อให้เหมาะกับการกินของคนที่นี่ ก็จะช่วยให้ธุรกิจอยู่ได้ อีกประเด็นที่ให้ความสำคัญในเรื่องของการเปลี่ยนทัศนคติ ถ้าจะเข้ามาทำธุรกิจที่นี่ คนไทยมักคิดว่ากัมพูชาไม่น่าอยู่ บางคนถึงกับบอกว่าเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่อย่างที่คิด คนที่เคยไปมักพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า มาแล้วไม่อยากกลับ ประเด็นนี้จึงไม่อาจมองข้าม

สิ่งนี่สนใจไปไม่น้อยกว่าธุรกิจด้านสปา และอาหาร ยังมีธุรกิจด้านการท่องเที่ยวที่ยังคงมีการส่งเสริมอย่างต่อเนื่อง  กัมพูชาขึ้นชื่อในเรื่องของอารยธรรมเก่าแก่  โบราณสถานมากมาย รวมถึงการเปิดแหล่งบันเทิงด้านคาสิโน ที่เป็นนโยบาลกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ด้วยเหตุนี้ประเทศนี้จึงเริ่มเข้ามาเป็นทางเลือก

เปิดโอกาสทองให้นักลงทุนชาวไทย ไม่น้อย หลายบริษัทในไทยที่เข้าไปลงทุนแล้ว ก็เช่น SCG , CP , ปตท , Thai Bev, รวมถึง โรงพยาบาลกรุงเทพ และธนาคารพาณิชย์ของไทย เช่น ไทยพาณิชย์ และกรุงไทย เป็นต้น ฉะนั้นแล้วสำหรับนักลงทุนไทยรายย่อยที่กำลังมองหาช่องทางในการลงทุนกัมพูชาอยู่นั้น จึงควรศึกษารากฐานและรายละเอียดก่อนลงทุนให้ดี หากขาดความรู้ในส่วนใดส่วนหนึ่งไป คงเป็นผลเสีย แต่หากศึกษาดีแล้ว เชื่อว่าคงประสบความสำเร็จและมีโอกาสโตทางธุรกิจสูง